ฆ่าคนตายเพราะความรัก เจตนาฆ่าหรือบันดาลโทสะ

ฆ่าคนตายเพราะความรัก เจตนาฆ่าหรือบันดาลโทสะ

ฆ่าคนตายเพราะความรัก เจตนาฆ่าหรือบันดาลโทสะ

                            ทนายเล่าเรื่องวันนี้ เทศกาลแห่งความรักพึ่งจะผ่านไป ทนายนึกขึ้นได้เลยเอาฎีกาที่ศาลให้เหตุผลเกี่ยวกับเรื่องความรักในคดีฆ่าคนตายอันน่าสยองมาเล่าให้ทุกคนฟังกันครับ จำเลยในคดีนี้ฆ่าคนที่เขารักด้วยการยิงเข้าที่ขมับและเฉือนคอหลังจากยิง เรื่องนี้มีรายละเอียดอีกเยอะ จะเป็นยังไง ไปติดตามพร้อมๆ กันครับ

                          คดีนี้ เป็นคดีระหว่างนายกันกับนางสาวรัก ทั้งคู่เป็นนักศึกษาแพทย์ นายกันเรียนอยู่ปี 2 ส่วนนางสาวรักเรียนอยู่ปี 5 ทั้งคู่เป็นแฟนกัน แต่นางสาวรักมีคนอื่นเลยต้องการเลิกกับนายกัน นายกันจึงหยิบปืนขึ้นมายังนางสาวรักที่ขมับซ้ายทะลุออกขมับขวา จากนั้นนายกันก็ใช้มีดเฉือนอวัยวะของนางสาวรักออกไปชิ้นๆ ตัดศีรษะ ควักลูกตา ตัดหู ตัดจมูก กรีดริมฝีปาก และเฉือนเอาหนังศีรษะออกจนนางสาวรักถึงแก่ความตาย จากนั้นเอาอวัยวะบางส่วนไปทิ้งแม่น้ำ บางส่วนที่เป็นชิ้นเล็กๆ ก็กดลงชักโครกเพื่อปิดบังการความผิดของตัวเอง แต่สุดท้ายก็ถูกจับกุมได้

                           โดยอัยการฟ้องในข้อหาฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อนและโดยทรมานหรือทารุณโหดร้าย และความผิดเกี่ยวกับอาวุธปืน ซึ่งผมจะไม่ขอพูดตรงนี้นะครับ ซึ่งนายกันรับสารภาพว่าฆ่านางสาวรักจริง แต่ไม่ได้ฆ่าโดยไตร่ตรองไว้ก่อนและไม่ได้ฆ่าโดยทรมานหรือทารุณโหดร้าย และเรื่องนี้ก็ขึ้นไปถึงศาลฎีกาครับ

                            ในประเด็นที่ว่าจำเลยไม่ได้ฆ่านางสาวรักโดยทรมานหรือทารุณโหดร้ายนั้น ศาลมองว่า ปืนเป็นอาวุธทำลายล้างรุนแรง ทำอันตรายบุคคลและสัตว์ให้ถึงแก่ชีวิตได้ง่าย นายกันใช้อาวุธปืนยิงศีรษะนางสาวรักซึ่งเป็นอวัยวะส่วนสำคัญของร่างกาย กระสุนเข้าขมับซ้ายทะลุออกขมับขวาแสดงให้เห็นว่า นายกันมีเจตนาฆ่านางสาวรักให้ตายทันที แม้จะฟังข้อเท็จจริงได้ว่า นางสาวรักไม่ได้เสียชีวิตทันทีหลังจากถูกยิง และนายกันใช้มีดตัดศีรษะขณะที่นางสาวรักยังไม่ถึงแก่ความตายก็ตาม แต่พยานหลักฐานไม่ปรากฏว่า นายกันมีเจตนาทำให้นางสาวรักได้รับความลำบากทรมานสาหัสก่อนตายและไม่ได้ความแจ้งชัดว่า นายกันทรมานหรือทารุณโหดร้ายนางสาวรัก การที่นายกันใช้มีดตัดศีรษะและอวัยวะอื่นๆ ของนางสาวรักนั้น ก็น่าจะเป็นกรณีที่นายกันทำไปโดยมีเจตนาทำลายศพเพื่อปิดบังการตายหรือเหตุแห่งการตายเท่านั้น ไม่ได้เพื่อให้นางสาวรักได้รับความเจ็บปวดทรมานจนกระทั่งขาดใจตาย ถือไม่ได้ว่านายกันฆ่านางสาวรักโดยทรมานหรือโดยกระทำทารุณโหดร้ายตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 289 (5) 

                              ส่วนในประเด็นที่ว่า นายกันฆ่านางสาวรักโดยไตร่ตรองไว้ก่อนหรือฆ่าเพราะบันดาลโทสะนั้น ศาลเห็นว่า นายกันเป็นนักศึกษา ไม่มีทรัพย์ที่มีค่ามากหรือมีผู้ปองร้ายจะเอาชีวิตนายกัน แม้นายกันจะอ้างว่า มีเครื่องคอมพิวเตอร์และรถยนต์ ก็เป็นทรัพย์ที่มีกันทั่วไป ถือไม่ได้ว่าเป็นทรัพย์ที่มีค่ามากถึงขนาดที่นายกันจะต้องมีอาวุธปืนมาไว้สำหรับป้องกันทรัพย์ ห้องพักที่เกิดเหตุเป็นห้องเช่าที่ไม่มีห้องครัวและนายกันก็ไม่ได้มีการทำครัวปรุงอาหารเอง จึงไม่มีความจำเป็นที่นายกันต้องมีมีดทำครัวที่มีความคมถึงขนาดใช้ชำแหละศพได้ไว้ การที่นายกันมีอาวุธปืนและมีดดังกล่าวไว้ในห้องพักที่เกิดเหตุจึงไม่อาจฟังเป็นอย่างอื่นได้นอกจากว่า นายกันเตรียมไว้สำหรับฆ่านางสาวรักและชำแหละศพนางสาวรัก และเมื่อหั่นศพออกเป็นชิ้นๆ แล้ว นายกันเตรียมผ้า กระดาษ ถุงพลาสติกและกล่องไว้ใช้เพื่อห่อศพกันกลิ่นคาวและน้ำเลือดน้ำเหลืองไหลซึมออกมา และเพื่อดูดซับน้ำเลือดน้ำเหลืองและกลิ่นคาว รวมทั้งปกปิดไม่ให้มีผู้พบเห็นว่าเป็นชิ้นส่วนของศพ การที่นายกันกระทำการต่างๆ เพื่อปกปิดความผิดและศพในเวลาเพียงไม่นานและไม่มีใครเห็น แสดงว่านายกันได้วางแผนเตรียมการต่างๆ มาก่อนหน้าแล้ว ศาลจึงเห็นว่า นายกันฆ่านางสาวรักโดยไตร่ตรองไว้ก่อน

                            ส่วนในประเด็นหลักที่เราตั้งใจจะเล่าให้ฟังอยู่ตรงนี้เลยครับ นายกันอ้างว่าถูกนางสาวรักข่มเหงจิตใจอย่างร้ายแรงด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรมเพราะนายกันกับนางสาวรักมีความสัมพันธ์กันฉันคนรัก แต่นางสาวรักกลับต้องการเลิกความสัมพันธ์กับนายกันไปหาผู้ชายคนใหม่ นายกันจึงโมโหและบันดาลโทสะฆ่านางสาวรักไป ศาลเห็นว่า….

                           “ความรักเป็นสิ่งที่เกิดจากใจไม่อาจบังคับกันได้ ความรักที่แท้จริงคือความปรารถนาดีต่อคนที่ตนรัก ความยินดีที่คนที่ตนรักมีความสุข การให้อภัยเมื่อคนที่ตนรักทำผิด และการเสียสละความสุขของตนเพื่อความสุขของคนที่ตนรัก จำเลยปรารถนาจะยึดครองผู้ตายเพื่อความสุขของจำเลยเอง เมื่อไม่สมหวังจำเลยก็ฆ่าผู้ตาย เป็นความผิดและการกระทำที่เห็นแก่ตัว เห็นแก่ได้ของจำเลยโดยฝ่ายเดียวมิได้คำนึงถึงจิตใจและความรู้สึกของผู้ตาย จึงหาใช่ความรักไม่….” 

                             สรุปแล้วศาลพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดฐานฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อนตามมาตรา 289 (4) นั่นเองครับ ที่เอามาเล่าให้ทุกคนฟังวันนี้ไม่ได้อยากจะนำเรื่องที่โหดร้ายมาเล่าใหม่อะไรนะครับ แต่แค่รู้สึกว่าศาลให้นิยามของความรักเอาไว้ดีเลยล่ะครับ

อ้างอิง : ฎ.6083/2546

รวมสาระที่น่าสนใจที่เกี่ยวข้องกับ #ทนายเล่าเรื่อง มาให้ชมกัน

ติดต่อ ปรึกษาทนาย หรือ จ้างทนาย คลิก!

บทความกฎหมายล่าสุด