หลอกเงินผู้พิการทางสมอง

หลอกเงินจากผู้พิการทางสมอง

การหลอกลวงในทุกวันนี้ มีรูปแบบที่ต่างไปจากเดิมมาก ผู้หลอกลวงแทบไม่จำเป็นต้องเข้าถึงตัวผู้เสียหาย แต่ใช้สื่อต่าง ๆ หลอกล่อให้ผู้เสียหายหลงเชื่อจนยินยอมที่จะให้ทรัพย์สินไปโดยเสน่หา ซึ่งอาจเข้าข่ายความผิดฐานฉ้อโกง ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 341 ผู้ใดโดยทุจริต หลอกลวงผู้อื่นด้วยการแสดงข้อความอันเป็นเท็จ หรือปกปิดข้อความจริงซึ่งควรบอกให้แจ้ง และโดยการหลอกลวงดังว่านั้นได้ไปซึ่งทรัพย์สินจากผู้ถูกหลอกลวงหรือบุคคลที่สาม หรือทำให้ผู้ถูกหลอกลวงหรือบุคคลที่สาม ทำ ถอน หรือทำลายเอกสารสิทธิ ผู้นั้นกระทำความผิดฐานฉ้อโกง ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสามปี หรือปรับไม่เกินหกหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ หากเหตุการณ์ลักษณะนี้ เกิดขึ้นกับคนทั่วไปที่มีสติสัมปชัญญะรู้ผิดชอบ ก็อาจเป็นความไม่ระวังของผู้เสียหายเอง

แต่หากเป็นเหตุที่เกิดขึ้นกับผู้เสียหายที่เป็นผู้พิการทางสมอง ย่อมถือว่าผู้กระทำผิดอาศัยความเบาปัญญาของผู้เสียหายนั้นหลอกลวงเอาทรัพย์ไปจากผู้เสียหายได้นั้น ผู้กระทำผิดต้องระวางโทษหนักขึ้น ตามมาตรา 342 (2) กล่าวคือ อาศัยความเบาปัญญาของผู้ถูกหลอกลวงซึ่งเป็นเด็ก หรืออาศัยความอ่อนแอแห่งจิตของผู้ถูกหลอกลวง ผู้กระทำต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินห้าปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

ผู้พิการทางสมองไม่สามารถดำเนินคดีเองได้

ทั้งนี้การดำเนินคดีนั้น ผู้เสียหายที่เป็นผู้พิการฯ ย่อมไม่สามารถที่จะร้องทุกข์หรือดำเนินคดีเองได้ จำเป็นต้องให้ผู้อนุบาลที่ศาลได้มีคำสั่งแต่งตั้งแล้ว เป็นผู้มีอำนาจกระทำการแทนผู้เสียหาย ในฐานะผู้อนุบาลผู้ไร้ความสามารถที่อยู่ในความดูแล ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 5 (1) หากผู้พิการฯ ไม่มีผู้อนุบาลที่ศาลได้มีคำสั่งแต่งตั้ง ญาติหรือบุคคลใกล้ชิดสามารถร้องขอต่อศาลให้ตั้งเป็นผู้แทนเฉพาะคดีได้

ส่วนทรัพย์ที่ผู้กระทำผิดได้ไปนั้น หากถูกดำเนินคดีทางอาญาและถูกตัดสินว่าผิดจริงก็จะต้องคืนทรัพย์นั้น หรือชดใช้ให้แก่ผู้เสียหายตามประมวลกฎหมายแพ่ง มาตรา 420 วรรคแรก แต่หากเป็นกรณีที่มิได้มีการดำเนินคดีทางอาญา ผู้เสียหายหรือผู้แทนโดยชอบธรรม สามารถเรียกเอาทรัพย์คืนโดยการบอกล้างตามหลักโมฆียะ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 175 (2) ได้เช่นกัน

อ่านบทความเพิ่มเติม คดีอาญา คลิก!

ติดต่อ ปรึกษาทนายคดีอาญาหรือ จ้างทนายคดีอาญา คลิก!

บทความกฎหมายล่าสุด