คดียาเสพติด จำเลยต้องนำสืบหักล้าง หากไม่ได้จำหน่าย

คดียาเสพติด จำเลยต้องนำสืบหักล้าง หากไม่ได้จำหน่าย

คดียาเสพติด จำเลยต้องนำสืบหักล้าง หากไม่ได้จำหน่าย

                              #ทนายเล่าเรื่อง มาอีกแล้วครับ วันนี้เราก็มากับคดีที่ขึ้นไปสู่ชั้นฎีกากันอีกแล้ว สำหรับในวันนี้ เรื่องที่จะมาเล่าให้ทุกคนฟังเป็นคดีเกี่ยวกับยาเสพติดที่จำเลยถูกจับแล้วถูกกฎหมายสันนิษฐานว่าจำเลยครอบครองไว้เพื่อจำหน่ายครับ ซึ่งจำเลยจะต้องนำสืบหักล้างข้อสันนิษฐาน จะเป็นยังไง ไปดูกันเลยครับ
เรื่องนี้นายดำเป็นคนขายไก่ย่างอยู่หน้าโรงเรียนแห่งหนึ่ง ได้รายได้วันละประมาณ 300 บาทและรับอาชีพเสริมคือการขับรถรับจ้างได้รายได้ครั้งละ 500 บาท แต่จะได้ก็ต่อเมื่อมีคนมาจ้างให้ไปขับรถ

                               วันหนึ่งนายดำถูกตำรวจจับในข้อหามีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย โดยขณะจับกุมตำรวจยึดยาเสพติดของกลางมาได้เป็นเมทแอมเฟตามีนแบบเกล็ดหรือที่เรารู้จักกันในชื่อ ยาไอซ์ จำนวน 1 ถุง มีน้ำหนัก 0.611 กรัม คำนวณเป็นสารบริสุทธิ์ได้ 0.540 กรัม ซึ่งจำเลยให้การรับสารภาพในชั้นสอบสวนว่า มียาไอซ์ไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตจริง แต่ปฏิเสธว่าไม่ได้ครอบครองไว้เพื่อจำหน่าย
คดีนี้ยาไอซ์ที่คำนวณออกมาเป็นสารบริสุทธิ์ได้ 0.540 กรัมนั้นเกินกว่า 0.375 กรัม ทำให้เข้าข้อสันนิษฐานตามกฎหมายว่า หากครอบครองเกิน 0.375 กรัมจะถูกสันนิษฐานไว้ก่อนว่าครอบครองไว้เพื่อจำหน่ายครับ ซึ่งนายดำสามารถนำสืบเพื่อหักล้างข้อสันนิษฐานว่าครอบครองเพื่อจำหน่ายได้
พอสืบพยาน ฝ่ายนายดำก็มีพยานแค่ตัวนายดำเองและยืนยันว่าครอบครองยาไอซ์ไว้เพื่อเสพเท่านั้น ไม่ได้ครอบครองเพื่อจำหน่ายครับ เรามาดูว่าศาลจะเห็นว่ายังไงกันดีกว่าครับ

                              ศาลพิจารณารายได้จากอาชีพของนายดำที่ขายไก่ย่างหน้าโรงเรียนและขับรถรับจ้างเป็นบางครั้งเมื่อมีคนมาจ้าง กับราคาของยาไอซ์ที่เป็นของกลางที่มีราคาประเมินไว้ 1,000 บาท แม้จะเป็นจำนวนไม่มาก แต่ก็เป็นจำนวนที่มากกว่ารายได้ของนายดำในแต่ละวัน บวกกับนายดำมีครอบครัวที่ต้องเลี้ยงดูอีก ศาลเลยไม่เชื่อว่านายดำเอารายได้ของตนเองมาซื้อยาไอซ์เพื่อเสพ แม้ว่านายดำจะรับสารภาพว่าครอบครองยาไอซ์เพื่อเสพและไม่ได้ถูกจับเพราะมีพฤติการณ์ว่านายดำขายยาไอซ์ก็ตาม ก็ไม่ได้หมายความว่านายดำจะไม่ได้ครอบครองเพื่อขาย ที่นายดำรับสารภาพไปก็เพราะต้องการที่จะให้ตัวเองมีความผิดแค่ครอบครองเพื่อเสพที่โทษเบากว่าเท่านั้น และการนำสืบของนายดำก็ไม่ได้มีน้ำหนักหักล้างข้อสันนิษฐานตอนต้นด้วย ศาลจึงพิพากษาให้นายดำมีความผิดฐานมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย

                              สำหรับคดีนี้เป็นคดีที่ยังใช้พระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 เป็นกฎหมายในการตัดสินคดีอยู่ ซึ่งปัจจุบันมีการยกเลิกและใช้ประมวลกฎหมายยาเสพติด พ.ศ.2564 แทนแล้ว โดยกฎหมายใหม่จะไม่มีบทสันนิษฐานว่าครอบครองเพื่อจำหน่ายแล้วครับ แต่ยังมีบทสันนิษฐานในกรณีครอบครองเล็กน้อยที่ให้สันนิษฐานว่าครอบครองเพื่อเสพซึ่งก็จะเป็นคุณกับผู้กระทำความผิดมากขึ้นครับ

อ้างอิง : ฎ.551/2563

รวมสาระที่น่าสนใจที่เกี่ยวข้องกับ #ทนายเล่าเรื่อง มาให้ชมกัน

ติดต่อ ปรึกษาทนาย หรือ จ้างทนาย คลิก!

บทความกฎหมายล่าสุด