3 กรณีที่ทำให้ลูกหนี้ตกเป็นผู้ผิดนัด

เหตุที่ทำให้ลูกหนี้ตกเป็นผู้ผิดนัด

1. ลูกหนี้ผิดนัดเพราะเจ้าหนี้ได้เตือนแล้ว

ลูกหนี้ผิดนัด เจ้าหนี้เตือน

ในเบื้องต้นหนี้นั้นต้องถึงกำหนดชำระแล้ว เจ้าหนี้ได้เตือนลูกหนี้ ลูกหนี้ไม่ชำระหนี้ ลูกหนี้ตกเป็นผู้ผิดนัด การเตือนของเจ้าหนี้อาจทำได้ด้วยการแสดงเจตนาไปยังลูกหนี้ว่าต้องการให้ชำระหนี้ จะทำเป็นหนังสือ ด้วยวาจา หรือทางโทรศัพท์ก็ได้ และต้องให้เวลาอันสมควรแก่ลูกหนี้เพื่อให้ลูกหนี้ชำระหนี้ เวลาอันสมควรอาจระบุเป็นจำนวนวัน หรือกำหนดวันที่ที่แน่นอนก็ได้ แต่การเตือนต้องทำภายหลังที่หนี้ถึงกำหนดแล้วลูกหนี้ไม่ชำระหนี้ มิใช่เป็นการแจ้งล่วงหน้าก่อนหนี้ถึงกำหนดชำระ ซึ่งแม้จะระบุว่าให้ชำระหนี้ตามกำหนด ก็ไม่ถือว่าเป็นคำเตือน การเตือนเป็นการกระทำเพื่อให้ลูกหนี้ตกเป็นผู้ผิดนัด แต่กรณีเจ้าหนี้ได้มีคำเตือนไปยังลูกหนี้หรือส่งไปถึงลูกหนี้ ถ้าลูกหนี้ถึงแก่ความตายไปแล้ว ต้องเตือนไปยังทายาทของลูกหนี้ให้ชำระหนี้

2. ลูกหนี้ผิดนัดโดยเจ้าหนี้ไม่ต้องเตือน

แบ่งออกเป็น 2 เรื่อง คือ
ลูกหนี้ผิดนัด เจ้าหนี้ไม่เตือน

1) หนี้ที่มีกำหนดเวลาชำระหนี้ตามวันแห่งปฏิทิน

หนี้ที่มีกำหนดเวลาชำระหนี้ตามข้อนี้จะต้องมีกำหนดเวลาชำระหนี้ตามวันแห่งปฏิทิน มิใช่มีกำหนดเวลาตามหน่วยอย่างอื่น เช่น กำหนดเวลาเป็นชั่วโมง แต่การกำหนดว่าจะชำระหนี้ภายใน 24 ชั่วโมงเท่ากับ 1 วัน น่าจะถือว่ามีกำหนดเวลาตามวันแห่งปฏิทิน คำว่าตามวันแห่งปฏิทิน แต่ต้องเข้าใจว่าหมายถึงวันเดือนปี เช่น ตกลงชำระหนี้ในวันที่ 5 สิงหาคม 2564 เป็นต้น รวมทั้งกำหนดให้ชำระหนี้เป็นรายวันหรือภายในกี่วันนับแต่วันที่เริ่มต้นนับ หรือกี่เดือน กี่ปี นับแต่วันที่เริ่มต้นนับหรือเป็นรายเดือนนับแต่วันที่เริ่มต้นนับหรือภายในเดือนใดที่ไม่ได้กล่าวถึงวันเลยด้วย เมื่อถึงกำหนดเวลาตามวันแห่งปฏิทินแล้ว ลูกหนี้ไม่ชำระหนี้ลูกหนี้ก็ตกเป็นผู้ผิดนัดทันที

ตัวอย่างผิดนัดชำระหนี้ตามวัน

นาย ก ในฐานะผู้ให้เช่าซื้อเจ้าหนี้และนาย ข ในฐานะผู้เช่าซื้อลูกหนี้ ตกลงทำสัญญาเช่าชื้อ กำหนดเวลาชำระค่าเช่าชื้อไว้ตามวันแห่งปฏิทิน หากนาย ข ลูกหนี้ไม่ชำระหนี้ตามกำหนดย่อมตกเป็นผู้ผิดนัดทันที

2) หนี้ที่มีกำหนดเวลาชำระหนี้โดยคำนวณตามวันแห่งปฏิทินนับจากวันบอกกล่าว

หนี้ตามวันแห่งปฏิทิน อาจจะเนื่องมาจากว่าเจ้าหนี้ยังไม่รู้ว่าลูกหนี้มีหนี้ที่ต้องชำระจำนวนเท่าไรหรือลูกหนี้ต้องการเวลาเตรียมการเพื่อชำระหนี้หรือตรวจสอบจำนวนหนี้ที่ลูกหนี้ต้องชำระให้ถูกต้องเสียก่อน คู่กรณีจึงได้ตกลงกันให้มีการบอกกล่าวกำหนดเวลาชำระหนี้ที่ลูกหนี้จะต้องชำระหนี้ไว้ล่วงหน้าโดยคำนวณตามปฏิทินนับจากวันที่บอกกล่าวเท่ากับให้เวลาลูกหนี้เตรียมการชำระหนี้ไว้ช่วงเวลาหนึ่งโดยอาจตกลงกันไว้ว่าจะต้องให้เวลาเป็นจำนวนที่แน่นอน หรือไม่ได้ตกลงกันไว้ว่าต้องให้เวลาเป็นจำนวนที่แน่นอนก็ได้ กรณีนี้ส่วนใหญ่เป็นหนี้ในอนาคตอันเกิดจากการใช้บริการหรือซื้อสินค้าเชื่อ เช่น ทำสัญญาใช้โทรศัพท์ตกลงกันว่าจะให้เวลาชำระหนี้ภายใน 15 วันนับแต่วันที่มีใบแจ้งหนี้ไปถึงลูกหนี้โดยในใบแจ้งหนี้จะระบุให้ทราบถึงยอดหนี้ที่ใช้โทรศัพท์ของแต่ละเดือน เมื่อใบแจ้งหนี้ไปถึงลูกหนี้แล้วนับจากนั้นไป 15 วัน ถ้าลูกหนี้ไม่ชำระหนี้ก็ตกเป็นผู้ผิดนัดทันทีโดยไม่ต้องเตือน หรือกรณีที่ตกลงกันไว้ว่าจะชำระค่าสินค้าภายใน 15 วันนับแต่วันที่เจ้าหนี้วางบิลก็เช่นกัน โดยถือว่าการที่เจ้าหนี้มีใบแจ้งหนี้ไปหรือการวางบิลเป็นการบอกกล่าวในวันนั้น

3. หนี้ละเมิดลูกหนี้ผิดนัดตั้งแต่เวลาทำละเมิด

หนี้ละเมิดลูกหนี้

ในกรณีหนี้ละเมิดนั้น เป็นหนี้อันเกิดแต่มูลละเมิด ลูกหนี้ได้ชื่อผิดนัดมาแต่เวลาที่ทำละเมิด เป็นการผิดนัดทันทีโดยไม่ต้องเตือน เพราะหนี้ละเมิดเกิดขึ้นจากการกระทำที่ผิดกฎหมาย สำหรับลูกหนี้ที่ทำผิดกฎหมายเป็นละเมิดย่อมไม่มีเหตุผลจะให้เวลาเป็นประโยชน์แก่ลูกหนี้ แต่กลับจะต้องชำระหนี้ให้เจ้าหนี้ทันทีคงไม่มีผู้ถูกทำละเมิดที่จะพอใจให้ผู้ทำละเมิดชำระหนี้วันอื่นได้

อ่านบทความเพิ่มเติม คดีแพ่ง คลิก!

ติดต่อ ปรึกษาทนายคดีแพ่งหรือ จ้างทนายคดีแพ่ง คลิก!

บทความกฎหมายล่าสุด