แบบพินัยกรรม แบบที่ 3-5

แบบพินัยกรรม ตอน 2

ก่อนหน้านี้ได้อธิบายถึงพินัยกรรมแบบธรรมดาและพินัยกรรมแบบเขียนเองทั้งฉบับ แต่วันนี้เราจะอธิบายต่อเกี่ยวพินัยกรรมทำเป็นเอกสารฝ่ายเมือง ,พินัยกรรมแบบทำเป็นเอกสารลับ,พินัยกรรมแบบทำด้วยวาจา

พินัยกรรมทำเป็นเอกสารฝ่ายเมือง

การทำพินัยกรรมแบบทำเป็นเอกสารฝ่ายเมือง มีหลักเกณฑ์ดังต่อไปนี้ คือ

พินัยกรรม ทำเป็นเอกสารฝ่ายเมือง
  1. ต้องทำต่อหน้าบุคคลสามฝ่ายที่อยู่พร้อมกัน กล่าวคือ ผู้ทำพินัยกรรมกรมการอำเภอ ได้แก่ นายอำเภอ และพยานอย่างน้อยสองคนต้องอยู่พร้อมกันทั้งสามฝ่ายในขณะทำพินัยกรรม นายอำเภอหรือผู้รักษาการแทน แม้จะรู้เห็นและเป็นผู้จดข้อความแห่งพินัยกรรม แต่ก็จะถือว่านายอำเภอหรือผู้รักษาการแทนนั้นเป็นพยานในพินัยกรรมด้วยไม่ได้ ต้องถือว่าเป็นเจ้าพนักงานเพียงฐานะเดียว แต่นายอำเภอหรือผู้รักษาการแทนเป็นผู้รู้เห็นการทำพินัยกรรมตามความเป็นจริง จึงอาจอยู่ในฐานะเป็นพยานสำหรับพินัยกรรมแบบอื่นได้ เช่น ผู้ทำพินัยกรรมต้องการทำเป็นเอกสารฝ่ายเมืองแต่พยานคนหนึ่งพิมพ์ลายนิ้วมือซึ่งไม่ถูกต้องตามกฎหมาย พินัยกรรมที่ทำเป็นเอกสารฝ่ายเมืองจึงมีผลโมฆะ แต่เมื่อพิจารณาในแง่ของพินัยกรรมแบบธรรมดา แม้พยานจะเสียไปคนหนึ่ง ก็ถือว่านายอำเภอเป็นพยานคนหนึ่งได้ จึงสมบูรณ์ในฐานะเป็นพินัยกรรมแบบธรรมดา
  2. ผู้ทำพินัยกรรมไม่ต้องเขียนข้อความในพินัยกรรมเอง แต่ผู้ทำพินัยกรรมต้องแจ้งข้อความที่ตนประสงค์จะให้ใส่ไว้ในพินัยกรรมของตนแก่อำเภอต่อหน้าพยานอย่างน้อยสองคนดังกล่าว การทำพินัยกรรมแบบฝ่ายเมืองนี้เป็นข้อยกเว้น เพราะโดยทั่วไปผู้ทำพินัยกรรมไม่ต้องเปิดเผยข้อความในพินัยกรรมให้พยานทราบ แต่การทำพินัยกรรมเอกสารฝ่ายเมืองนี้ ผู้ทำพินัยกรรมต้องแจ้งข้อความในพินัยกรรมให้พยานทราบ เพราะพยานทั้งสองคนจะต้องรู้เห็นว่าผู้ทำพินัยกรรมได้แจ้งข้อความที่ประสงค์จะให้ใส่ไว้ในพินัยกรรมต่อกรมการอำเภอ และกรมการอำเภอได้จดข้อความนั้นลงไว้ในพินัยกรรมถูกต้องตรงตามที่ผู้ทำพินัยกรรมแจ้งจริง และพยานอย่างน้อยสองคนต้องอยู่ต้องอยู่พร้อมกันด้วย หากขณะแจ้งข้อความมีพยานรู้เห็นอยู่คนเดียวถือว่าเป็นการไม่ชอบเป็นโมฆะ
  3. กรมการอำเภอต้องจดข้อความที่ผู้ทำพินัยกรรมแจ้งลงไว้และอ่านข้อความนั้นให้ผู้ทำพินัยกรรมและพยานฟัง เพื่อเป็นหลักฐานว่ากรมการอำเภอได้จดข้อความลงไว้ในพินัยกรรมตรงตามที่ผู้ทำพินัยกรรมแจ้งให้จดจริง โดยนายอำเภอหรือผู้รักษาการแทนจะจดเป็นตัวเขียนหรือตัวพิมพ์ก็ได้ แต่ไม่จำเป็นต้องเขียนหรือพิมพ์ด้วยตนเอง อาจให้บุคคลอื่นช่วยซักถามและช่วยเขียนหรือพิมพ์ต่อหน้าตนเองก็ได้ เมื่อนายอำเภอหรือผู้รักษาการแทนลงลายมือชื่อในฐานะเป็นผู้จดในเอกสารนั้นก็ถือได้ว่านายอำเภอหรือผู้รักษาการแทนนั้นเป็นผู้จดเอง
  4. เมื่อผู้ทำพินัยกรรมและพยานทราบแน่ชัดว่าข้อความที่กรมการอำเภอจดนั้นเป็นการถูกต้องตรงกันกับที่ผู้ทำพินัยกรรมแจ้งไว้แล้ว ให้ผู้ทำพินัยกรรมและพยานลงลายมือชื่อไว้เป็นสำคัญ การลงลายมือชื่อผู้ทำพินัยกรรมเมื่อไม่ได้บัญญัติไว้เป็นอย่างอื่น กล่าวคือผุ้ทำพินัยกรรมจะลงลายมือชื่อหรือพิมพ์ลายนิ้วมือโดยมีพยานลงลายมือชื่อรับรองสองคนก็ได้ ส่วนการลงลายมือชื่อพยาน เมื่อไม่ได้ต้องบังคับตาม พยานลงลายมือชื่อได้อย่างเดียว จะประทับตรา ลงลายพิมพ์นิ้วมือ หรือเครื่องหมายอื่นไม่ได้ ด้วยเหตุนี้พยานที่ลงลายมือชื่อไม่ได้จึงเป็นพยานในพินัยกรรมแบบนี้ไม่ได้
  5. ข้อความที่กรมการอำเภอจดไว้นั้น ให้กรมการอำเภอลงลายมือชื่อและลง วัน เดือน ปี ทั้งจดลงไว้ด้วยตนเองเป็นสำคัญว่าพินัยกรรมนั้นได้ทำขึ้นถูกต้องตามกฎหมาย

การทำพินัยกรรมแบบทำเป็นเอกสารลับ

การทำพินัยกกรมแบบทำเป็นเอกสารลับ มีหลักเกณฑ์ ดังต่อไปนี้ คือ

พินัยกรรม ทำเป็นเอกสารลับ
  1. ผู้ทำพินัยกรรมจัดทำพินัยกรรมขึ้นโดยผู้ทำพินัยกรรมจะเป็นผู้เขียนขึ้นเองโดยตลอดหรือให้ผู้อื่นเขียนขึ้นก็ได้ ถ้าผู้ทำพินัยกรรมไว้วางใจบุคคลผู้นั้น แต่ที่สำคัญก็คือผู้ทำพินัยกรรมจะต้องลงลายมือชื่อในพินัยกรรม กล่าวคือผู้ทำพินัยกรรมอาจลงลายมือชื่อหรือลงลายพิมพ์นิ้วมือโดยมีพยานลงลายมือชื่อรับรองไว้สองคนในขณะที่ผู้ทำพินัยกรรมลงลายพิมพ์นิ้วมือนั้น แต่ผู้ทำพินัยกรรมจะประทับตราและแกงได หรือเครื่องหมายอย่างอื่นทำนองเช่นว่านั้น
  2. ผู้ทำพินัยกรรมต้องยื่นความจำนงตามแบบของเจ้าพนักงาน ยื่นต่อนายอำเภอ ณ ที่ว่าการอำเภอ
  3. เจ้าพนักงานต้องสอบถามผู้ทำพินัยกรรมว่าได้ลงลายมือชื่อในพินัยกรรมเรียบร้อยแล้วหรือยัง แล้วตรวจดูว่าผู้ทำพินัยกรรมได้ผนึกพินัยกรรมลงลายมือชื่อคาบรอยผนึกนั้นเรียบร้อยแล้วหรือยัง ข้อสำคัญคือเจ้าพนักงานจะเปิดผนึกพินัยกรรมเพื่อตรวจดูการลงลายมือชื่อหรือข้อความอย่างอื่นไม่ได้
  4. ผู้ทำพินัยกรรมต้องให้ถ้อยคำต่อหน้าพยานอย่างน้อยสองคน เมื่อนำพินัยกรรมที่ผนึกนั้นไปแสดงต่อเจ้าพนักงานโดยยืนยันว่าพินัยกรรมนั้นเป็นพินัยกรรมของตน และถ้าพินัยกรรมนั้นผู้ทำพินัยกรรมไม่ได้เขียนเองโดยตลอด ผู้ทำพินัยกรรมจะต้องแจ้งนามและภูมิลำเนาของเขียนให้ทราบด้วย
  5. นายอำเภอจะจดถ้อยคำของผู้ทำพินัยกรรมและวัน เดือน ปี ที่ทำพินัยกรรมลงไว้ในซองนั้นและประทับตราตำแหน่งแล้วให้นายอำเภอผู้ทำพินัยกรรมและพยานลงลายมือชื่อบนซองนั้น

การทำพินัยกรรมด้วยวาจา

การทำพินัยกรรมด้วยวาจา ต้องมีหลักเกณฑ์ดังต่อไปนี้ คือ

พินัยกรรม ด้วยวาจา
  1. พฤติการณ์พิเศษที่จะทำพินัยกรรมด้วยวาจา ไม่ใช่เรื่องที่เกิดขึ้นตามปกติธรรมดา แต่ตกอยู่ในแห่งเหตุพฤติการณ์พิเศษ เช่น ตกอยู่ในอันตรายใกล้ความตายหรือเวลามีโรคระบาด หรือสงครามหากเป็นกรณีเจ็บป่วยใกล้ตาย เช่น ป่วยเป็นโรคมะเร็ง โรคหัวใจ แม้จะใกล้ตายก็ถือเป็นการเจ็บป่วยธรรมดา ไม่ใช่พฤติการณ์พิเศษ และบุคคลนั้นไม่สามารถจะทำพินัยกรรมตามแบบอื่นที่กำหนดไว้ได้ กล่าวคือ เมื่อมีพฤติการณ์พิเศษแล้วเจ้ามรดกก็ยังทำพินัยกรรมด้วยวาจา ไม่ได้จนกว่าปรากฏว่าไม่สามารถทำพินัยกรรมตามแบบอื่นได้ซึ่งจะต้องพิจารณาข้อเท็จจริงเป็นเรื่องๆไป
  2. ผู้ทำพินัยกรรมต้องแสดงเจตนากำหนดข้อพินัยกรรมต่อหน้าพยานอย่างน้อยสองคนซึ่งอยู่พร้อมกัน ณ ที่นั้น การที่ผู้ทำพินัยกรรมต้องแสดงเจตนากำหนดข้อพินัยกรรมต่อหน้าพยานอย่างน้อยสองคนและต้องอยู่พร้อมกันในขณะเจ้ามรดกแสดงเจตนา ทั้งนี้ก็เพื่อให้มีพยานยืนยันต้องกันว่า เจ้ามรดกแสดงเจตนากำหนดข้อพินัยกรรมไว้อย่างไร ถ้ามีพยานคนเดียวหากจำผิดพลาดย่อมไม่มีใครจะยันปากคำกันได้ ทั้งการมีพยานคนเดียว พยานอาจบิดเบือน ข้อเท็จจริงอย่างใดก็ได้ อนึ่ง แม้พยานสองคน แต่พยานได้ยินคำบอกกล่าวแสดงเจตนาคนละวาระ ก็มีผลเท่ากับมีพยานคนเดียวเหมือนกัน เพราะพยานแต่ละคนย่อมยืมยันได้เฉพาะในวาระที่ตนได้รับบอกกล่าวเท่านั้น แม้คำบอกกล่าวครั้งแรกกับครั้งหลังจะตรงกันก็ไม่ทำให้เป็นพยานที่ชอบด้วยกฎหมายเมื่อพินัยกรรมมีพยานที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ย่อมมีผลเป็นโมฆะ
  3. พยานสองคนนั้นต้องไปแสดงตนต่อกรมการอำเภอโดยมิชักช้าและแจ้งข้อความที่ผู้ทำพินัยกรรมได้สั่งไว้ด้วยวาจานั้น ทั้งต้องแจ้งวัน เดือน ปี สถานที่ที่ทำพินัยกรรมและพฤติการณ์พิเศษนั้นไว้ด้วย
  4. กรมการอำเภอต้องจดข้อความที่พยานแจ้งนี้ไว้และพยานสองคนต้องลงลายมือชื่อไว้ หรือมิฉะนั้นจะให้เสมอกับการลงลายมือชื่อไว้ หรือมิฉะนั้นจะให้เสมอกับการลงลายมือชื่อได้ก็แต่ด้วยลงลายพิมพ์นิ้วมือโดยมีพยานลงลายมือชื่อรับรองสองคน

อ่านบทความเพิ่มเติม คดีมรดก คลิก!

ติดต่อ ปรึกษาทนายคดีมรดกหรือ จ้างทนายคดีมรดก คลิก!

บทความกฎหมายล่าสุด