คืนรถให้ไฟแนนซ์ เปลี่ยนผู้เช่าใหม่

#ทนายเล่าเรื่อง

เมื่อผู้เช่าส่งรถตรงตามกำหนดมาตลอด

ต่อมาต้องการคืนรถเปลี่ยนผู้เช่าใหม่

แล้วผู้เช่ารายใหม่ไม่ได้ส่งรถตามปกติ

จะเรียกให้ผู้เช่าเดิมและผู้ค้ำประกันรับผิดได้หรือไม่

คืนรถให้ไฟแนนซ์ เปลี่ยนผู้เช่าใหม่

            #ทนายเล่าเรื่อง ในวันนี้ผมขอหยิบยกกรณีผู้เช่าทำสัญญาเช่าซื้อรถยนต์ โดยมีผู้ค้ำประกันเข้ารับผิดอย่างลูกหนี้ร่วมกับผู้เช่า แล้วต่อมาผู้เช่าต้องการเปลี่ยนผู้เช่าใหม่ ผู้ให้เช่าสามารถเรียกค่าขาดราคาและค่าขาดประโยชน์จากผู้เช่าเดิมและผู้ค้ำประกันได้หรือไม่ ในศาลฎีกาท่านวินิจฉัยไว้ว่าอย่างไร

            ข้อเท็จจริงมีอยู่ว่า เมื่อวันที่ 25 สิงหาคม 2538 นายหนึ่งเข้าทำสัญญาเช่าซื้อรถยนต์ยี่ห้อหนึ่ง ไปจากนายเอในราคา 1,698,055.80 บาท ตกลงชำระค่าเช่าซื้อรวมภาษีมูลค่าเพิ่ม งวดละ 30,282 บาท ต่อเดือน รวม 60 งวด เริ่มชำระงวดแรกวันที่ 2 กันยายน 2538 หากผิดนัดชำระค่าเช่าซื้อ 2 งวด ติดต่อกัน นายเอมีสิทธิบอกเลิกสัญญาเช่าซื้อทันที นายสองทำสัญญาค้ำประกันยอมรับผิดอย่างลูกหนี้ร่วมของนายหนึ่ง นายหนึ่งชำระค่าเช่าซื้อเรื่อยมาจนวันที่ 17 มกราคม 2540 นายหนึ่งได้ติดต่อขอเปลี่ยนตัวผู้เช่าซื้อจากนายหนึ่งเป็นนางพร พนักงานของนายเอเรียกเก็บเงินค่าเปลี่ยนสัญญาและค่าเปลี่ยนชื่อในเล่มทะเบียนตามใบรับเงิน ต่อมานายหนึ่งไม่ชำระค่าเช่าซื้อตั้งแต่งวดที่ 21 ประจำวันที่ 2 พฤษภาคม 2540 ต่อมาวันที่ 6 มกราคม 2541 นายเอติดตามยึดรถยนต์คืนและนำออกขายได้เงิน จำนวน 585,000 บาท

             มีปัญหาข้อแรกที่ต้องวินิจฉัยตามฎีกาของนายเอว่า นายหนึ่งต้องรับผิดต่อนายเอตามสัญญาเช่าซื้อหรือไม่ นายหนึ่งและนายสองเบิกความว่า เป็นผู้นำรถยนต์ที่เช่าซื้อไปคืนนายเอโดยขอเปลี่ยนตัวผู้เช่าซื้อจากนายหนึ่งเป็นนางพร โดยมีหลักฐานใบรับเงินค่าเปลี่ยนสัญญา และใบรับเงินค่าเปลี่ยนชื่อในเล่มทะเบียน ซึ่งเอกสารทั้งสองฉบับเป็นเอกสารของนายเอที่ออกให้แก่นายหนึ่ง ส่วนนายเอรับในฎีกาว่า เป็นการเรียกเก็บเงินเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายล่วงหน้าในการตรวจสอบคุณสมบัติของนางพรผู้เช่าซื้อรายใหม่ซึ่งเรียกว่าค่าเปลี่ยนสัญญาพร้อมทั้งเรียกเก็บเงินค่าเล่มทะเบียนด้วยเป็นหน้าที่ของนายหนึ่งที่ต้องรับผิดชอบชำระไว้ หากคุณสมบัติของนางพรไม่ผ่านนายเอจะคืนเงินค่าเปลี่ยนสัญญา และค่าเปลี่ยนชื่อในเล่มทะเบียน พิเคราะห์แล้วเห็นว่า ข้อกล่าวอ้างของนายเอเลื่อนลอยทั้งยังขัดกับข้อความในเอกสารที่นายเอออกให้นายหนึ่ง การที่นายหนึ่งนำรถยนต์ที่เช่าซื้อคืนนายเอเพื่อขอโอนสิทธิการเช่าซื้อให้แก่นางพรและนายเอได้เรียกเก็บเงินค่าเปลี่ยนสัญญา ค่าเปลี่ยนชื่อในเล่มทะเบียน โดยใช้แบบพิมพ์ของนายเอนั้น นางดา พยานนายเอเบิกความว่า นายหนึ่งได้ชำระค่าตรวจสภาพรถ ค่าปรับล่าช้า และสั่งจ่ายเช็คธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) สาขาบางบอน รวม 6 ฉบับ เพื่อชำระค่าเช่าซื้อล่วงหน้าตามต้นขั้วเช็ค พยานนายเอปากนี้ยังเบิกความตอบคำถามค้านว่า ตามบันทึกการตรวจสภาพรถผู้ครอบครอง คือ นางพรและเป็นการยึดรถที่จังหวัดยโสธรอันเป็นภูมิลำเนาของนางพรซึ่งนายเอรับในฎีกาว่ายึดรถยนต์ได้จากนางพร พฤติการณ์ดังกล่าวมาทั้งหมดนี้ ถือได้ว่านายหนึ่งได้ส่งมอบรถยนต์ที่เช่าซื้อคืนนายเอ ซึ่งเป็นการบอกเลิกสัญญาเช่าซื้อแก่นายเอแล้ว ดังนั้นไม่ว่าการเปลี่ยนตัวผู้เช่าซื้อจากนายหนึ่งเป็นนางพรนั้น นายเอจะไม่อนุมัติในภายหลัง สัญญาเช่าซื้อก็เป็นอันเลิกกันแล้วนับแต่วันที่นายหนึ่งส่งมอบรถยนต์พิพาทคืนนายเอ ตามป.พ.พ มาตรา 573 ซึ่งเป็นบทบัญญัติให้สิทธิผู้เช่าซื้อเลิกสัญญา เมื่อสัญญาเลิกกันโดยนายหนึ่งมิได้ประพฤติผิดสัญญาและไม่มีหนี้ที่ต้องรับผิดต่อนายเอ นายเอจึงไม่มีสิทธิเรียกค่าขาดราคาและค่าขาดประโยชน์ตามที่กล่าวมาในฟ้องจากนายหนึ่ง ฎีกาข้อนี้ของนายเอฟังไม่ขึ้นปัญหาข้อสุดท้ายตามฎีกาของนายเอมีว่า นายสองต้องรับผิดตามสัญญาค้ำประกันหรือไม่ นายเอฎีกาขอให้นายสองร่วมรับผิดกับนายหนึ่งเมื่อไม่ปรากฏว่าขณะเลิกสัญญานายหนึ่งมีหนี้ที่ต้องรับผิดต่อนายเอ นายสองผู้ค้ำประกันจึงไม่ต้องรับผิดต่อนายเอด้วย ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาให้ยกฟ้องมานั้นต้องด้วยความเห็นของศาลฎีกา พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมในชั้นฎีกา ให้เป็นพับ

           จะเห็นได้ว่า เมื่อมีการคืนรถ และเปลี่ยนผู้เช่าใหม่ โดยผู้เช่าเดิมและผู้เข้าทำสัญญาค้ำประกันผู้เช่าเดิมไม่ผิดสัญญา เมื่อมีการเปลี่ยนสัญญาใหม่และเล่มใหม่ แล้วต่อมาผู้เช่าใหม่ขาดส่ง นายเอจึงไม่มีสิทธิเรียกค่าขาดราคาและค่าขาดประโยชน์ตามที่กล่าวมาในฟ้องจากนายหนึ่งได้อีก และไม่สามารถเรียกให้ผู้ค้ำประกันต้องรับผิดต่อนายเอด้วย

           (อ้างอิง ฎีกา : 3238/2552)

รวมสาระที่น่าสนใจที่เกี่ยวข้องกับ #ทนายเล่าเรื่อง มาให้ชมกัน

ติดต่อ ปรึกษาทนาย หรือ จ้างทนาย คลิก!

บทความกฎหมายล่าสุด