ผู้ค้ำประกัน คือ

ผู้ค้ำประกัน

ตามพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ (ฉบับที่ 20) พ.ศ. 2557 มีผลบังคับใช้แล้ว ข้อดี คือ คุ้มครองสิทธิและให้ความเป็นธรรมแก่ผู้ค้ำประกันและผู้จำนอง ซึ่งมิใช่ลูกหนี้ชั้นต้นได้มากขึ้นเนื่องจากในปัจจุบันเจ้าหนี้ที่เป็นสถาบันการเงินหรือประกอบกิจการให้กู้ยืมเงิน มักมีข้อกำหนดข้อตกลงที่เอาเปรียบผู้ค้ำประกันหรือผู้จำนอง จึงเป็นเหตุให้ผู้ค้ำประกันหรือผู้จำนองต้องถูกบังคับชำระหนี้แทนลูกหนี้ในวงเงินที่สูงจนอาจกลายเป็นผู้ถูกฟ้องล้มละลายได้

ผู้ค้ำประกัน คือ บุคคลหนึ่งที่ยอมรับที่จะชำระหนี้แทนอีกบุคคลต่อเจ้าหนี้ หากบุคคลนั้นไม่ชำระหนี้ให้แก่เจ้าหนี้ โดยผู้ค้ำประกันต้องอ่านสัญญาและเงื่อนไขให้ดี และข้อควรรู้การก่อนค้ำประกัน กล่าวคือ

1.การค้ำประกันหนี้ในอนาคต หรือหนี้มีเงื่อนไข ต้องระบุเงินสูงสุดที่ค้ำประกันไว้ในสัญญา

  1. ข้อตกลงที่ให้ผู้ค้ำประกันต้องรับผิดชอบอย่างเดียว ในฐานะเป็นลูกหนี้ร่วม ให้ข้อตกลงนั้นเป็นโมฆะ

3.ข้อตกลงที่แตกต่างไปจากบทบัญญัติลักษณะค้ำประกัน ถ้าเป็นภาระแก่ผู้ค้ำประกันเกินสมควร ให้ข้อตกลงนั้นมีผลเป็นโมฆะ

4.เจ้าหนี้ลดจำนวนหนี้ให้แก่ลูกหนี้เท่าใด ภาระความรับผิดชอบของผู้ค้ำประกันลดจำนวนลงเท่านั้น

5.หน้าที่ของเจ้าหนี้เมื่อลูกหนี้ผิดนัดชำระหนี้ เจ้าหนี้ต้องบอกกล่าวไปยังผู้ค้ำประกันภายใน 60 วัน นับแต่วันที่ลูกหนี้ผิดนัดและผลกรณีเจ้าหนี้มิได้บอกกล่าวผู้ค้ำประกันหลุดพ้นจากความรับผิดชอบในดอกเบี้ยและค่าสินไหมทดแทน

ขอบเขตความรับผิดชอบผู้ค้ำประกัน

ผู้ค้ำประกัน จะไม่จำกัดความรับผิดหรือจะจำกัดความรับผิดชอบของตนไว้ในสัญญาค้ำประกันด้วยก็ได้ ถ้าไม่ต้องการรับผิดอะไรบ้าง หรือต้องการจำกัดขอบเขตความรับผิดไว้เพียงใด ก็ต้องระบุในสัญญาให้ชัดเจน โดยผู้ค้ำประกัน ไม่ต้องรับผิดเสมือนเป็นลูกหนี้ชั้นต้น

สิทธิของผู้ค้ำประกัน

1.ผู้ค้ำประกันมีสิทธิที่จะเกี่ยงให้เจ้าหนี้ ไปเรียกเอาจากลูกหนี้ก่อนได้ (ผู้ค้ำประกันเป็นลูกหนี้ชั้นที่สอง)

2.เมื่อผู้ค้ำประกันชำระหนี้ให้แก่เจ้าหนี้ ไม่ว่าชำระแต่โดยดีหรือชำระหนี้โดยถูกบังคับตามคำพิพากษาผู้ค้ำประกันก็มีสิทธิรับช่วงสิทธิของเจ้าหนี้ในอันที่จะเรียกเอาเงินชำระให้เจ้าหนี้ใช้แล้วนั้น คืนจากลูกหนี้ได้ตามจำนวนที่ชำระไปตลอดจนทั้งค่าเสียหายต่างๆเนื่องจากการค้ำประกัน

การพ้นความรับผิดของผู้ค้ำประกัน

  1. เจ้าหนี้ผ่อนเวลาให้ลูกหนี้ คือถ้าได้กำหนดวันชำระหนี้ไว้แน่นอนแล้วเจ้าหนี้ยืดเวลาไปอีก ผู้ค้ำประกันย่อมหลุดพ้นจากความรับผิด

2.เมื่อหนี้ของลูกหนี้ถึงกำหนดชำระแล้ว ผู้ค้ำประกันเอาเงินไปชำระแก่เจ้าหนี้ไว้แน่นอนแล้ว แต่เจ้าหนี้ไม่ยอมรับ โดยไม่มีเหตุอันจะอ้างกฎหมายได้ ผู้ค้ำประกันก็หลุดพ้นจากความรับผิดเช่นเดียวกัน

ดังนั้น แม้ว่าผู้ค้ำประกันจะมีหน้าที่ต้องชำระหนี้ให้กับเจ้าหนี้ แต่ผู้ค้ำประกันมีสิทธิขอให้เจ้าหนี้ติดตามเรียกลูกหนี้มาชำระหนี้ก่อนตนได้ เว้นแต่ลูกหนี้จะถูกศาลพิพากษาให้เป็นบุคคลล้มละลาย หรือไม่ปรากฏว่าอยู่ที่ใด และหากผู้ค้ำประกันพิสูจน์ได้ว่าลูกหนี้มีหนทางที่จะชำระหนี้ได้ และการบังคับให้ลูกหนี้ชำระหนี้นั้นไม่เป็นการยาก เจ้าหนี้จะต้องบังคับการชำระหนี้นั้นเอาจากทรัพย์สินของลูกหนี้ก่อน

อ่านบทความเพิ่มเติม คดีแพ่ง คลิก!

ติดต่อ ปรึกษาทนายคดีแพ่งหรือ จ้างทนายคดีแพ่ง คลิก!

บทความกฎหมายล่าสุด