อยากซื้อรถมือสองต้องรู้ ซื้อรถมือสองแล้วมีปัญหา ต้องทำอย่างไร!?

การซื้อรถมือสองเป็นการซื้อรถตามสภาพที่ผ่านการใช้งานมาแล้วและผู้ซื้อยอมรับตามสภาพนั้นเพื่อและกับราคาที่ถูกกว่ามือหนึ่ง

 

อยากซื้อรถมือสองต้องรู้ ซื้อรถมือสองแล้วมีปัญหา ต้องทำอย่างไร!?

ใครกำลังจะซื้อรถมือสองต้องรู้!!

ซื้อรถมือสองแล้วมีปัญหา

          ใครกำลังจะซื้อรถมือสองต้องรู้!! ซื้อรถมือสอง แน่นอนว่าเป็นรถที่ผ่านการใช้งานมาแล้ว ไม่ว่าจะขับไปใกล้หรือไกล มันก็คือรถที่ใช้แล้ว ซึ่งรถมือสองบางคันก็อาจจะมีการใช้มาเป็นเวลานาน ผ่านการพัง ผ่านการซ่อม จนนำมาขายต่อ และบางทีเราก็ไม่อาจรู้ได้ว่ารถคันนั้นผ่านอะไรมาบ้าง เพราะฉะนั้นก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าถ้าซื้อรถมือสองก็อาจจะเจอรถที่มีปัญหาหรือพังจนต้องซ่อมอีก วันนี้เราเลยนำความรู้เกี่ยวกับรถมือสองมาฝากกันว่า ถ้าซื้อรถมือสองมาแล้วมีปัญหาหรือพัง จะต้องทำยังไง

การซื้อขายรถมือสอง

           ในการซื้อรถมือสองนั้นก็คือการซื้อขายรถกันตามปกติครับ แต่สินค้าหรือรถที่จะซื้อมันผ่านการใช้มาแล้ว เพราะฉะนั้น ในการซื้อขายรถมือสองกัน ฝั่งผู้ขายก็มักจะต้องป้องกันตนเองในระดับหนึ่ง คือ ผู้ขายมักจะแจ้งให้เราหรือผู้ซื้อทราบอยู่แล้วว่ารถมือสองที่จะซื้อกันผ่านการใช้การซ่อมมาขนาดไหน มีการชนหรือเปล่า หรือใช้วิ่งไปเท่าไหร่แล้ว อีกทั้ง ผู้ที่ซื้อรถมือสองก็ย่อมเข้าใจว่าซื้อตามสภาพที่เป็นอยู่ซึ่งอาจจะซ่อมมาแล้วแลกกับราคาที่ถูกกว่ารถมือหนึ่งนั่นเอง
         เพราะฉะนั้น ก็อาจจะเป็นปกติที่รถมือสองก็มักจะมีปัญหาบ้างไม่มากก็น้อย แต่ถามว่า ถ้าเจอปัญหาหนัก ๆ ล่ะ จะทำอะไรได้บ้างหรือเปล่า ไปดูในส่วนต่อไปกันเลยครับ

ซื้อรถมือสองแล้วมีปัญหา ทำยังไงได้บ้าง

           กรณีซื้อรถมือสองแล้วมีปัญหาเป็นกรณีของที่ซื้อขายกันชำรุดบกพร่อง ซึ่งตามกฎหมายผู้ขายจะต้องรับผิดในความชำรุดบกพร่องต่อผู้ซื้อ ไม่ว่าผู้ขายจะรู้ถึงความบกพร่องนั้นหรือไม่ก็ตาม แต่ถ้าตามความจริง อย่างที่ได้บอกไปเลยครับว่าการซื้อรถมือสองเป็นการซื้อตามสภาพ เราไปเรียกกับผู้ขายไม่ได้หรอกครับ แต่ถ้าเรามาดูกันที่หลักกฎหมาย การที่ซื้อรถแล้วพังแบบนี้เป็นกรณีการชำรุดบกพร่อง โดยกฎหมายก็ได้มีการกำหนดข้อยกเว้นที่ผู้ขายไม่ต้องรับผิดในความชำรุดบกพร่องอยู่ครับ ดังนั้น เราไปดูที่ข้อยกเว้นกันเลยดีกว่าครับ

ข้อยกเว้นที่ผู้ขายไม่ต้องรับผิด

        1. ผู้ซื้อรู้หรือควรรู้อยู่แล้วในเวลาซื้อขายว่ารถมีความชำรุดบกพร่อง
        เป็นเรื่องปกติในการซื้อขายรถมือสองที่ผู้ขายมักจะต้องแจ้งข้อมูลการใช้รถ การซ่อมรถ และความผิดปกติของรถให้ผู้ซื้อทราบอยู่แล้ว ดังนั้น หากผู้ขายแจ้งเรื่องดังกล่าวให้ผู้ซื้อทราบ เท่ากับผู้ซื้อทราบถึงความชำรุดบกพร่องแล้ว ดังนั้น ผู้ซื้อก็จะไปเรียกให้ผู้ขายรับผิดไม่ได้
ถ้าผู้ขายไม่ได้แจ้ง ผู้ขายก็ยังต้องรับผิด แต่หากผู้ซื้อควรจะรู้ได้ถ้าผู้ซื้อใช้ความระมัดระวัง ผู้ขายก็ไม่ต้องรับผิดครับ
       2. ความชำรุดบกพร่องเห็นชัดเจนขณะส่งมอบและผู้ซื้อรับไว้โดยไม่ได้ทักท้วง
       ถ้าผู้ขายไม่ได้แจ้งข้อมูลเรื่องรถเลย แต่ขณะส่งมอบรถกันมันมีความเสียหายชัดเจน เช่น สตาร์ทเครื่องแล้วติดยาก หรือมีสัญญาณเตือนบางอย่าง แต่ผู้ซื้อก็ไม่ได้สนใจและรับรถมาโดยที่ไม่ได้ทักท้วงว่ารถมีปัญหา แบบนี้ ผู้ขายก็ไม่ต้องรับผิด
       3. ในสัญญาตกลงกันว่าผู้ขายไม่ต้องรับผิด
      กรณีนี้เป็นเรื่องสัญญาที่ตกลงกันเลยครับว่าจะให้ผู้ขายรับผิดหรือไม่ ซึ่งตามที่ได้บอกไปครับว่าการซื้อรถมือสองเป็นการซื้อรถตามสภาพ ผู้ขายก็มักจะรับผิดชอบซ่อมให้ในกรณีที่มีปัญหาโดยอาจจะกำหนดเวลาที่รับผิดชอบไว้ เช่น หากมีปัญหา ผู้ขายจะซ่อมให้ หากปัญหานั้นเกิดภายใน 30 วันนับแต่วันซื้อ ถ้าพ้น 30 วันไปแล้ว ผู้ขายก็ไม่ต้องรับผิด เป็นต้น

ซื้อรถมือสองแล้วมีปัญหาหรือพัง เป็นกลฉ้อฉลหรือไม่?

         กรณีที่ผู้ขายไม่แจ้งเกี่ยวกับรถเลยแบบนี้จะเป็นการที่ผู้ขายใช้กลฉ้อฉลโดยการนิ่งอันจะทำให้นิติกรรมตกเป็นโมฆียะหรือไม่ กรณีนี้ความคิดเห็นส่วนตัวผมมองว่าไม่เป็นการฉ้อฉลครับ เพราะผู้ซื้อย่อมต้องเข้าใจอยู่แล้วว่าซื้อรถมือสองเป็นการซื้อตามสภาพซึ่งอาจจะมีการพังบ้างเล็กน้อย แต่ผู้ซื้อก็จะต้องยอมรับตรงนี้ไป
         แต่ถ้าผู้ขายแจ้งข้อมูล แต่อาจจะแจ้งไม่ตรงกับความจริงหรือไม่ใกล้เคียงกับความจริง เช่น ผู้ขายแจ้งว่ารถพึ่งขับมาไม่นาน ไม่เคยผ่านการซ่อมมาก่อน แต่ความจริง รถนั้นเคยชนและซ่อมมาหลายครั้งแล้ว แบบนี้ก็อาจเข้าข่ายเป็นกลฉ้อฉลที่ทำให้นิติกรรมตกเป็นโมฆียะได้ครับ

ซื้อรถมือสองแล้วมีปัญหา ต้องทำอย่างไร

อ่านบทความเพิ่มเติม คดีแพ่ง คลิก!

ติดต่อ ปรึกษาทนายคดีแพ่งหรือ จ้างทนายคดีแพ่ง คลิก!

บทความกฎหมายล่าสุด